ค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีความเป็นเอกลักษณะเฉพาะตัวหลายอย่าง ทำให้มันเป็นนักล่าทีเก่งกาจในตอนกลางคืน ถึงแม้ว่ามันะไม่ได้ใช้ตาในการมองก็ตาม ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว พวกค้างคาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่สามารถบินได้ และก็เหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆ พวกมันให้อาหารลูกน้อยของมันด้วยน้ำนม การที่เราไม่ค่อยจะพบเห็นพวกมันในชีวิตประจำวันของพวกเรา ก็เพราะว่าค้างคาวเป็นพวกหากินตอนกลางคืน เมื่อพระอาทิตย์ตก พวกมันก็จะบินออกมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ และจะกลับมานอนในเวลากลางวันโดย
ส่วนที่น่าแปลกและเป็นเอกลักษณ์สุดๆ ก็คือท่านอนห้อยหัวของเหล่าค้างคาว ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ปัจจุบันนี้มีการสำรวจจนทราบว่ามีค้างคาวกว่า 1,100 สายพันธุ์ทั่วโลก พวกมันสามารถอยู่ได้เกือบทุกที่ ยกเว้นสถานที่ๆ มีอุณหภูมิหนาวเย็นจัด ด้วยปกติแล้วพวกมันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ถ้าเกิดสังเกตเห็นพวกมันซักตัวบินไปมา ให้เดาไว้ได้เลยว่าพวกที่เหลือของมันอยู่ใกล้ๆ ในบริเวณนั้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับค้างคาว วันนี้เราจะพากันไปดูว่าทำไมพวกมันถึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่ง
1.ลักษณะทางกายภาพ
ค้างคาวมีหลากสายพันธุ์ มีตั้งแต่ขนาดตัวเล็ก จนถึงขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ สายพันธุ์ที่ใหญ่สุดอาจมีปีกที่กางได้กว้างถึง 1.5 เมตร ในขณะที่เดียวเล็กอาจมีขนาดเพียง 15 เซนติเมตรเท่านั้น ปากของพวกมันมีฝันคล้ายกับหนู หรือสุนัขจิ้งจอก มีหัวขนาดใหญ่ชี้ตั้ง และมีสีหลักๆ ได้แก่สีเทา และสีน้ำตาล
แขนของพวกค้างคาวจะมีความยาวมาก บวกกับมือที่มีเล็บที่ยาวเช่นเดียวกัน เดียวทั้งหมดจะเชื่อมต่ออยู่กับเยื่อกล้ามเนื้อของปีกทำให้พวกมันสามารถบินได้ง่าย พวกมันมีกลไกล็อคกล้ามเนื้อแบบพิเศษ เมื่อพวกมันห้อยหัวอยู่บนที่สูง จะสามารถล็อคเส้นเอ็นที่เท้าให้จิกอยู่กับพื้นผิวที่เกาะแบบไม่มีวันหลุด
2.พวกมันไม่ได้ใช้ดวงตาในการมองเห็น
หลายร้อยปีที่ผ่านมา ผู้คนต่างสงสัยว่าพวกมันบินในตอนกลางคืนได้อย่างไร และไม่นานนี้เองเราก็เพิ่งจะได้รับคำตอบที่แน่ชัด พวกมันมีความสามารถในการส่งคลื่นความถี่ที่เหนือเสียง หรือ อัลทราโซนิกที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน คลื่นพวกนี้จะกระทบกับวัตถุและสะท้อนกลับมา ทำให้ค้างความรู้ได้ว่าข้างหน้า และรอบตัวพวกมันมีอะไรอยู่บ้าง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับโซนาร์ที่เรือดำน้ำใช้ หรือเรดาร์บนเครื่องบิน